บทที่ 16 ผู้ฝึกตนระดับก่อเกิดวิญญาณ 1

เยว่ซินเดินนำหนิงอ้ายเข้ามาในเรือนก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะออกมาพร้อมกับของในมือแล้วจึงตรงไปยังห้องโถงรับรองของเรือนนี้ สิ่งที่เยว่ซินถืออยู่ในมือเป็นหีบไม้ขนาดย่อมสีดำทองฉลุลวดลายงดงามอ่อนช้อยแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายความดุดัน หนิงอ้ายสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่อยู่ในกล่องคล้ายกับจะเรียกร้องหาเป็นความรู้สึกคุ้นเคยตีตื้นขึ้นมาในอกมันมีทั้งความสุขปนเศร้าตีรวนจนแยกไม่ออก

หลังจากที่หีบได้ถูกเปิดออกปรากฎแก่สายตาจึงเห็นว่าภายในหีบไม้แกะสลักนี้ถูกบุด้วยผ้าสีแดงกำมะหยี่เนื้อดีตกแต่งด้วยหมุดทองสวยงาม เยว่ซินได้บอกว่าสิ่งนี้เป็นมรดกสืบทอดจากตระกูลหวังที่บิดามอบให้และตอนนี้นางได้ส่งต่อมาให้เขาเป็นเจ้าของแล้วในที่สุด ประกอบไปด้วยตำราเคล็ดวิชาจำนวนสามเล่ม ตำราแรกคือเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาอันเป็นเคล็ดวิชาดูดซับปราณฟ้าดินประจำตระกูล สองคือเคล็ดวิชากระบี่สักกะดารารายอันเป็นวิชากระบี่เลื่องชื่อในยุทธภพ ส่วนเล่มสุดท้ายนั่นคือเคล็ดวิชาก้าวย่างทะยานหมื่นลี้เป็นเคล็ดวิชาตัวเบาประจำของตระกูลหวัง ทั้งสามตำรานี้ล้วนเป็นฉบับจริงทั้งสิ้น

ยังมีจี้หยกสีแดงทับทิมที่เยว่ซินทราบเพียงสิ่งนี้คล้ายกับเครื่องรางปกป้องอันตราย ด้านข้างกันเป็นขวดโอสสแก้วรูปร่างแปลกตาที่บรรจุโอสถทิพย์(ปลุกพลังวิญญาณ)เอาไว้ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของหนิงอ้ายได้มากที่สุดนั่นคือวัตถุทรงกลมสีดำทองที่มารดาบอกว่านั่นคือกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูร หากพิจารณาจากกลิ่นอายความแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมาโดยรอบแล้วสิ่งนี้ย่อมมีอายุหลายพันปีเลยทีเดียว สิ่งของที่อยู่ในกล่องสมบัตินี้ควรค่ากับคำว่าล้ำค่าอย่างแท้จริง หากถูกจับวางในยุทธภพหรือหากมีผู้อื่นล่วงรู้ แม้จะเป็นเพียงชิ้นเดียวย่อมเรียกฝนคาวเลือดได้เป็นอย่างดี เมื่อพิจารณาแล้วหนิงอ้ายยิ่งสงสัยว่าตระกูลหวังย่อมมีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาสามัญ

บิดาของท่านแม่เป็นประมุขตระกูลหวังในปัจจุบัน โดยปกติแล้วการส่งมอบเเผ่นหยกเคล็ดวิชาวิชาดังกล่าวต้องให้แก่ผู้สืบทอดตระกูลที่มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ด้วยความที่บิดามารดาของท่านแม่นั้นมีเพียงเเค่ท่านแม่เย่วซินเพียงคนเดียว ด้วยขีดจำกัดที่ว่าสตรีไม่อาจสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ในระดับสูงได้เพราะว่าวิชาดังกล่าวนี้เหมาะกับผู้มีพลังหยางหรือผู้ชายมากกว่าดังนั้นก่อนที่มารดาของเขาจะแต่งออกตระกูลบิดาของท่านแม่จึงมอบหีบสมบัตินี้แก่นางซึ่งท่านแม่ก็มอบให้เขาในที่สุด

“หนิงเอ๋อร์ คัมภีร์เล่มสุดท้ายในหีบสมบัตินั่นคือคัมภีร์เบญจธาตุฉบับจริงที่ได้รับการสืบทอดจากท่านบรรพบุรุษ มารดาได้ถ่ายทอดพลังลมปราณลงไป จึงพบว่าได้มีการระบุไว้ 'ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเข้มข้นของสายเลือดเเละพร้อมไปด้วยพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถศึกษาได้' วันหนึ่งหากเจ้าสามารถเพิ่มพลังวิญญาณถึงระดับจักรพรรดิวิญญาณได้เเล้วเจ้าจงศึกษาให้สำเร็จเสียเถิด..."

"หากจำได้ทั้งหมดแล้วมารดาแนะนำให้เจ้าทำลายทิ้งไปเสีย หากมารดาจำไม่ผิดในครั้งนั้นมีข่าวลือว่าตระกูลชั้นสูงตระกูลหนึ่งในมหาพิภพได้ครอบครองคัมภีร์เบญจธาตุเล่มนี้ เมื่อข่าวลือนี้ได้เเพร่กระจายออกไปไม่นานตระกูลนั้นถึงกับล่มสลายสิ้นชื่อไม่ปรากฎการเคลื่อนไหวอีกเลยตลอดหลายร้อยปีมานี้ ดังนั้นอะไรที่มันสามารถชักจูงอันตรายถึงชีวิตของเจ้าได้มารดาไม่อยากให้เจ้าเสี่ยงอันตรายเลยสักนิด...” เยว่ซินบอกหนิงอ้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ขอรับท่านเเม่..."

“สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติอันล้ำค่าของตระกูลหวังที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นที่ถูกเก็บรักษาไว้ ท่านตาของเจ้าได้กำชับเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งสิ่งนี้ย่อมตกเป็นของเจ้าไม่คิดว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เป็นจริงเช่นวันนี้ มารดาขออวยพรให้การปลุกพลังวิญญาณสำเร็จไปได้ด้วยดี...” พูดจบเยว่ซินจึงเข้ากอดบุตรของตนด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่หนิงอ้ายจะกอดตอบมารดาของตนไป จากนั้นได้เดินแยกออกไปทางห้องนอนของตนและเตรียมตัวอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายและจิตใจสดชื่น

ในโลกยุทธแห่งนี้ ผู้ที่มีพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งหรือผู้ที่เข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกตนเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับ และเป็นที่ยำเกรงของผู้คน แตกต่างจากจางหนิงอ้ายที่ไม่อาจก้าวถึงจุดนั้นได้...

การปลุกพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนแล้วช่วงเวลาที่เหมาะสมคือช่วงอายุเจ็ดปี ทว่าหนิงอ้ายคนเดิมทำไม่สำเร็จในครั้งนั้น เเต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามในครั้งนี้เขาต้องทำให้สำเร็จ!!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป